นักบาสเกตบอลที่ทำลายความเชื่อว่า "คนตัวเล็กดังค์ไม่ได้"
หากพูดถึงกีฬาบาสเกตบอล STEREOTYPE หรือภาพจำที่แฟนกีฬานึกถึงแบบขึ้นใจ คงหนีไม่พ้น "ความสูง"
เพราะนอกจากส่วนใหญ่ของผู้ที่เล่นกีฬานี้จะมีความสูงมากกว่าคนทั่วไปแล้ว ห่วงบาสเกตบอล อันเป็นจุดที่ผู้เล่นจะต้องทำแต้มนั้น ยังมีความสูงจากพื้นมากถึง 10 ฟุต (3.05 เมตร) เลยทีเดียว
ทว่าในยุค 1980's ก็มีนักบาสเกตบอลคนหนึ่ง ซึ่งมีความสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว (170 เซนติเมตร) โผล่มาคว้าแชมป์ NBA สแลมดังค์ ปี 1986 แบบพลิกโผ
และ สปัด เว็บบ์ ก็ได้ทำให้ความเชื่อที่ว่า "คนตัวเล็กดังค์ไม่ได้" เปลี่ยนไปตลอดกาล ...
อุปสรรคจากความสูง
สปัด เว็บบ์ หรือชื่อเต็ม แอนโธนี เจอโรม เว็บบ์ ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอลตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทว่าดูเหมือนเขาจะมีอุปสรรคสำคัญที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ...
สิ่งนั้นก็คือ ความสูง ที่ไม่ว่าจะพยายามเพิ่มมันด้วยวิธีไหน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยเลยแม้แต่น้อย จนหลายคนปรามาสเขาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่เกรด 7 (มัธยมศึกษาปีที่ 1) ว่า "เตี้ยเกินกว่าที่จะเล่นบาสเกตบอล"

ด้วยอุปสรรคที่ธรรมชาติให้มานี้ ทำให้ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของสปัดในทีมบาสเกตบอล คือการอยู่ม้านั่งข้างสนาม แต่ที่สุดแล้วโอกาสก็มาถึง เมื่อมีผู้เล่นในทีมที่ตรวจร่างกายไม่ผ่าน ทำให้เจ้าตัวได้มีเวทีพิสูจน์ฝีมือ และก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทำคนเดียว 22 คะแนนในเกมแรกที่ลงสนาม
หลังจากนั้น สปัดก็เริ่มสร้างชื่อในการแข่งขันระดับมัธยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยสไตล์การเล่นที่คล่องแคล่ว รวดเร็ว แถมยังสามารถกระโดดได้สูงกว่าเด็กที่ตัวใหญ่กว่าหลายคน โดยหนังสือพิมพ์ Denver Post เคยลงข่าวว่า สปัดสามารถกระโดดดังค์ได้ ตั้งแต่ตอนที่มีความสูงเพียง 5 ฟุต 3 นิ้ว (160 เซนติเมตร) เท่านั้น

ถึงจะมีผลงานที่น่าประทับใจ แต่สิ่งที่ฟ้าประทานมาให้ก็กลายเป็นอุปสรรค เมื่อแทบไม่มีมหาวิทยาลัยใดให้ความสนใจในตัวสปัดเลย จนเขาต้องไปเริ่มต้นการเล่นระดับคอลเลจกับทีมเกรดรองอย่าง มหาวิทยาลัยมิดแลนด์ ถึง 2 ปี กระทั่งฟอร์มของเขาไปเข้าตา มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา สเตท และได้ย้ายเข้าไปเล่นให้กับสถาบันดังกล่าวในที่สุด โดยหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ ม. นอร์ธแคโรไลนา สเตท ประทับใจจนต้องยื่นทุนนักกีฬาให้ คือการที่เขาสามารถกระโดดในแนวดิ่งได้สูงถึง 42 นิ้ว (110 เซนติเมตร) ทั้งๆ ที่มีความสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว (170 เซนติเมตร)
แม้จะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทว่าก็แทบไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะเล่นในลีกบาสเกตบอลอันดับ 1 ของโลกอย่าง NBA ได้ เพราะแมวมองแทบทุกสำนักต่างลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ถ้าสปัดไม่ได้รับโอกาสจากทีมในทวีปยุโรปที่การแข่งขันไม่เข้มข้นเท่า เขาก็คงได้ไปอยู่กับทีม ฮาร์เล็ม โกลบทร็อตเตอร์ส ทีมบาสเกตบอลสายโชว์ชื่อดัง ส่วนสาเหตุนั้น ก็มาจากส่วนสูงอีกเช่นเคย

แต่ที่สุดแล้ว สปัด เว็บบ์ ก็ได้รับโอกาสใน NBA จนได้ เมื่อ ดีทรอยต์ พิสตันส์ ดราฟต์เขาเข้าทีมด้วยอันดับที่ 87 ในรอบที่ 4 ของปี 1985 ทว่าก็เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้รับโอกาสให้พิสูจน์ฝีมือ เมื่อพิสตันส์เลือกที่จะปล่อยตัวออกมาหลังจากเริ่มฤดูกาลได้ไม่นาน โดยที่ยังไม่เคยได้ลงเล่นเลยแม้แต่นัดเดียว
แม้เส้นทางของสปัดยังไม่ตีบตัน เมื่อ แอตแลนตา ฮอว์คส์ เซ็นสัญญาคว้าตัวเขาไปร่วมทีมหลังจากนั้น แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น ...
เมื่อ สปัด เว็บบ์ ตัดสินใจสมัครร่วมการแข่งขัน NBA สแลมดังค์ ปี 1986
เซอร์ไพรซ์ครั้งประวัติศาสตร์
หลายคนเชื่อว่า การตัดสินใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันสแลมดังค์ของสปัด น่าจะมาจากความต้องการพิสูจน์ตัวเองว่า คนตัวเล็กอย่างเขาก็สามารถดังค์ได้ แต่ความจริงจากปากของเจ้าตัวนั้นเป็นอย่างไร?
"สำหรับผม สิ่งที่โฟกัสคือการพิสูจน์ตัวเองว่า ดีพอสำหรับการเล่นบาสเกตบอลมากกว่า การคว้าแชมป์สแลมดังค์มันไม่ใช่เป้าหมายใหญ่สำหรับผมในตอนนั้น จะพูดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นก็น่าจะได้ เพราะ สแตน คาสเทน ประธานของทีมมาหาผมก่อนแข่งเพียงสัปดาห์เดียว แล้วถามว่า 'อยากลงแข่งไหม?' ผมก็ 'ได้เลยครับท่าน' แค่นั้นเลย" นี่คือสิ่งที่ สปัด เว็บบ์ เปิดใจกับเว็บไซต์ของทีม แอตแลนตา ฮอว์คส์ เมื่อปี 2006
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ยืนยันด้วยตัวเอง นั่นคือเกม NBA ออลสตาร์ ปี 1986 ซึ่งมีการแข่งขันสแลมดังค์เป็นหนึ่งในนั้นด้วย จัดขึ้นในเมืองดัลลัส การได้ลงแข่งในบ้านเกิดของเขา จึงน่าจะช่วยให้เจ้าตัวมีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษ

การประกาศลงแข่งสแลมดังค์ของสปัด สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่ง โดมินิก วิลกินส์ เจ้าของฉายา "The Human Highlight Reel" เพื่อนร่วมทีมฮอว์คส์ ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์สแลมดังค์ปี 1985 ที่เจ้าตัวยืนยันว่า "ไม่เคยเห็นสปัดโชว์ดังค์ในการซ้อมทีมเลยแม้แต่ครั้งเดียว" ด้วยเหตุผลที่สปัดเผยไปข้างต้น กับความต้องการที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองดีพอสำหรับ NBA ... ถึงกระนั้น วิลกินส์เองก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่พิเศษในตัวเพื่อนร่วมทีมคนนี้
"ไม่รู้สินะ ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งแน่ๆ และผมบอกกับทุกคนด้วยว่า เขามีโอกาสที่ดีในการคว้าแชมป์เลยล่ะ" วิลกินส์ เผยกับ The Boston Globe
และสิ่งที่วิลกินส์คิดก็กลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อในรอบแรก สปัดเป็นผู้ทำคะแนนสูงสุด 141 คะแนน จากการดังค์ 3 ครั้ง เข้ารอบรองชนะเลิศไปสมทบกับวิลกินส์ ซึ่งได้บายจากการเป็นแชมป์เมื่อปีก่อน

และหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นศึกดวลเดือดระหว่างเพื่อนร่วมทีม เมื่อทั้งคู่ต่างทำคะแนนสูงสุดเท่ากัน 138 คะแนน จากการดังค์ 3 ครั้ง ในรอบรองชนะเลิศ โดยที่ภาษีของสปัดดีกว่านิดๆ จากการที่เขาสามารถโชว์การดังค์ให้กรรมการทั้ง 5 คน ให้ 50 คะแนนเต็มได้ ด้วยการโยนบอลโด่งให้เด้งพื้น ก่อนจะรับลูกขึ้นดังค์กลับหลังด้วย 2 มือในจังหวะที่พอดีสุดๆ
ในตอนนั้น ทุกคนในสนามต่างเฮสุดเสียง เริ่มเรียกชื่อ "สปัด สปัด" กันทั้งสนาม ... ถึงตอนนี้ สปัดไม่ได้เพียงมาเพื่อแข่ง แต่เขามาเพื่อหมายจะชนะการแข่งแล้ว
ทุกอย่างต้องมาตัดสินกันที่รอบชิงชนะเลิศ ... เหลือแค่ 2 คน สปัด กับ วิลกินส์ ต้องดวลกันตัวต่อตัว ดังค์ต่อดังค์ ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
สปัด ซึ่งต้องขึ้นดังค์ก่อน เก็บ 50 คะแนนเต็มในการดังค์ครั้งแรกด้วยการหมุนตัว 360 องศา แต่วิลกินส์ก็สามารถเรียก 50 คะแนนเต็มจากกรรมการได้เช่นกัน จึงต้องมาว่ากันใหม่ในการดังค์ครั้งที่ 2 คราวนี้สปัดกลับมาใช้แนวคิดแบบเบสิค ด้วยการทุ่มบอลเด้งพื้นให้ชิ่งกับแป้น ก่อนกะจังหวะกระโดดขึ้นดังค์ด้วยมือเดียวแบบสวยงาม พิสูจน์ให้คนทั้งสนามเห็นว่า ที่เขาเคยกระโดดในแนวดิ่งได้สูงถึง 42 นิ้วจากพื้นนั้นไม่ใช่เรื่องฟลุค แต่ทำได้จริง
50 คะแนนเต็ม และเสียงร้องเรียกชื่อของสปัดจากทั้งสนาม บีบให้วิลกินส์ต้องดังค์ให้ได้ 50 คะแนนเต็มเท่านั้นเพื่ออยู่ต่อในการแข่งขัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงพอ เพราะการดังค์ครั้งที่ 2 ในรอบชิงชนะเลิศของวิลกินส์ เรียกคะแนนจากกรรมการได้เพียง 48 คะแนนเท่านั้น ... สปัด เว็บบ์ คว้าแชมป์ NBA สแลมดังค์ในปี 1986 อย่างสมศักดิ์ศรี
หลังจากการคว้าแชมป์ ไมค์ ฟราเทลโล เฮดโค้ชของทีมฮอว์คส์เอ่ยปากถึงการต่อสู้ระหว่างทีมเมตว่า "เหมือนสปัดจะต้มวิลกินส์ซะเปื่อยเลย เขาบอกกับอีกฝ่ายเองว่าไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้ซ้อมเลยด้วย จนวิลกินส์คิดว่า แค่ใช้ลวดลายแบบปกติที่เคยทำก็น่าจะเพียงพอกับการคว้าแชมป์ ซึ่งเขาคิดผิด"
แล้วตัวสปัดเองล่ะ พูดถึงผลงานของตัวเองว่าอย่างไร?
"ไม่รู้สิ ผมเองก็อธิบายการดังค์ของตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน ก็แค่ออกไปกระโดดดังค์เท่านั้นเอง จะบอกว่าการกระโดดได้สูงขนาดนั้น เป็นความสามารถที่พระเจ้าประทานมาให้ก็คงได้" สปัด เผยกับ The Boston Globe
"แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นสิ่งที่ผมพยายามรักษามันมาตลอดนะ ผมซุ่มซ้อมกับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำมาเรื่อยๆ แม้บางครั้งจะไม่มีใครเห็นก็ตาม"

ไม่เพียงเท่านั้น สปัดยังมองว่า การแข่งดังค์ นั้นคือส่วนผสมระหว่างการสร้างงานศิลปะ และการดวลปืน
"ผมคิดว่านักบาสสายดังค์ก็เหมือนกับศิลปินนะ คุณต้องวาดภาพขึ้นมาในหัว แล้วก็ออกไปทำภาพนั้นให้เกิดขึ้นจริง แต่ในการแข่งขัน เวลาที่คุณเห็นคู่แข่งดังค์แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ออกไปโชว์ให้เหนือกว่าหมอนั่น"
"ผลของมันน่ะเหรอ? เอาเป็นว่าถึงแม้ผมจะไม่ได้ลงแข่งดังค์ก่อนหน้านั้นมาเป็น 10 ปี แต่ที่ผมจำได้ ผมไม่เคยแข่งดังค์แพ้ใครแม้แต่หนเดียวนะ"
มรดกที่ได้สร้าง
การคว้าแชมป์สแลมดังค์ในปี 1986 ของ สปัด เว็บบ์ ทำให้เขากลายเป็นแชมป์สแลมดังค์ที่ตัวเล็กที่สุดตลอดกาล ด้วยความสูง 5 ฟุต 7 นิ้ว ... คำที่คนพูดว่าคนตัวเล็กดังค์ไม่ได้ ได้เปลี่ยนไปแล้วตลอดกาล
ทว่ามันก็เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเจ้าตัวไม่น้อยเช่นกัน
"ว่ากันตามตรง ช่วง 1-2 ปีแรกหลังคว้าแชมป์ ผู้คนเอาแต่พูดเรื่องที่ผมคว้าแชมป์สแลมดังค์เต็มไปหมด จนกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปรู้จัก แต่เดี๋ยวก่อน ... ผมเป็นนักบาสเกตบอลนะโว้ย นั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้คนจดจำเหมือนกัน"

ถึงกระนั้น การคว้าแชมป์ของสปัด ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้นักบาสเกตบอลตัวเล็กทั่วโลกหันมาฝึกการดังค์ หนึ่งในนั้นคือ เนท โรบินสัน ผู้เล่นของ นิวยอร์ก นิกส์ ซึ่งสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว (175 เซนติเมตร) มากกว่าสปัดเพียง 2 นิ้ว ที่ตัดสินใจลงแข่ง NBA สแลมดังค์ในปี 2006
และนอกจากสปัดจะถือหางรุ่นน้องสายพันธุ์ตัวเล็กเหมือนกันแล้ว เขายังเป็นพาร์ทเนอร์ในการสร้างสรรค์การดังค์ให้อีกด้วย
"พูดตามตรงเลยว่า เราซ้อมด้วยกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง" สปัดเผยถึงเรื่องราวเบื้องหลัง "เนทโทรหาผมให้ไปเจอกันที่โรงยิมซักแห่ง พอเจอกัน เขาก็บอกให้ผมยืนถือบอลตรงนี้ๆ แล้วหมอนั่นก็วิ่งมารับบอล กระโดดข้ามตัวผมดังค์ลงห่วงไปเลย ที่สำคัญ ตัวเขาไม่ได้โดนตัวผมเลยสักนิด"
ไม่เพียงแค่ตอนซ้อม เพราะเนทยังได้เชิญสปัดมาเป็นผู้ช่วยในการแข่งดังค์ของเจ้าตัว จนทำให้เขาคว้าแชมป์สแลมดังค์ในปี 2006 ได้สำเร็จ แถมหลังจากนั้น เนทยังสามารถคว้าแชมป์ในปี 2009 ได้อีกสมัย
แม้ตัวของ สปัด เว็บบ์ จะยืนยันว่า ไม่ต้องการให้คนจดจำเขาในฐานะจอมดังค์ก็จริง แต่ก็ภูมิใจกับผลงานที่เกิดขึ้น ซึ่งกลายเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนอีกมากมาย
"มีน้อยคนนะที่จะทำในสิ่งเดียวกับที่ผมประสบความสำเร็จได้ ซึ่งแน่นอน มันเป็นเรื่องดีที่ผมได้อยู่ในกลุ่มเดียวกับคนผู้นั้น"
"และผมก็ภูมิใจกับตำแหน่งแชมป์สแลมดังค์ของตัวเองจริงๆ ครับ"
แหล่งอ้างอิง
https://www.history.com/this-day-in-history/spud-webb-wins-dunk-contest
https://www.nba.com/hawks/feature/Interview_With_Spud_Webb_021606.html
https://www.si.com/nba/2016/02/01/spud-webb-1986-nba-slam-dunk-contest-hawks-dominique-wilkins
https://www.slamonline.com/nba/spud-webb-interview/
https://theundefeated.com/features/the-day-spud-webb-took-flight-at-the-slam-dunk-contest/
https://www.nba.com/hawks/feature/Interview_With_Spud_Webb_021606.html
https://www.si.com/nba/2016/02/01/spud-webb-1986-nba-slam-dunk-contest-hawks-dominique-wilkins
https://www.slamonline.com/nba/spud-webb-interview/
https://theundefeated.com/features/the-day-spud-webb-took-flight-at-the-slam-dunk-contest/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น