ทำไมเราต้องกิน "ป๊อปคอร์น" ในโรงหนัง?
เคยสงสัยกันไหม..ว่าทำไมเวลาดูหนังทีไร ใครๆ ก็ซื้อป๊อปคอร์นเข้ามากิน แม้จะมีอย่างอื่นบ้าง (เช่น ไส้กรอก นาโช่ ขนมกรุบกรอบ) แต่ยังไงป๊อปคอร์นก็ยังท็อปฮิต ป๊อปปูล่าเป็นอันดับ 1 อยู่ดี! ที่มาของมันเริ่มจากไหน ทำไมป๊อปคอร์นถึงป๊อปปูล่าในหมู่คนดูหนังได้
จากหนังสือ Popcorn Culture : A Social History of Popcorn ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า เริ่มแรกป๊อปคอร์นเป็นที่นิยมในฝั่งอเมริกาใต้ กระทั่งถึงยุคแลกเปลี่ยนการค้าจึงแพร่กระจายไปยังอเมริกาเหนือ ในปีค.ศ. 1848 ป๊อปคอร์นกลายเป็นขนมสุดป๊อปปูล่า จนคำว่า Popcorn ถูกบันทึกลง Dictionary of Americanisms เป็นครั้งแรก แต่ในช่วงนั้นป๊อปคอร์นยังนิยมกินกันเฉพาะในละครสัตว์ งานแฟร์ งานกีฬา หรืองานรื่นเริงต่างๆ ยกเว้นในโรงหนัง
และด้วยความอร่อย หน้าตาน่ารัก ผลิตง่าย ไม่ต้องอาศัยห้องครัวใหญ่ๆ (แค่มีเครื่องคั่วป๊อปคอร์นก็ทำได้แล้ว) ทำให้ปีค.ศ. 1885 เจ้าป๊อปคอร์นเลยยิ่งฮิตหนัก จนท้องถนนมีแต่แผงขายป๊อปคอร์นกลิ่นหอมฟุ้งไปหมด แต่ถึงอย่างนั้น โรงหนังก็ยังไม่อนุญาตให้เอาป๊อบคอร์นเข้ามากินอยู่ดี
สาเหตุที่สมัยนั้นยังไงโรงหนังก็ไม่ยอมให้เอาป๊อปคอร์นเข้าไปกิน เป็นเพราะโรงหนังสมัยนั้นสุดจะหรูหรา มีทั้งพรมและโซฟาราคาแพง ทำให้เจ้าของโรงหนังแต่ละแห่งไม่อนุญาตให้ผู้ชมนำป๊อปคอร์นเข้ามาสร้างความเลอะเทอะเป็นอันขาด รวมถึงเป็นยุคที่หนังยังไม่มีเสียง การเคี้ยวป๊อปคอร์นจึงถือเป็นการรบกวนอย่างหนึ่ง แต่ในที่สุด เมื่อปีค.ศ. 1930 ที่หนังเริ่มมีเสียงพูด ผู้ประกอบการก็เริ่มลังเลว่า ในเมื่อเสียงหนังดังกว่าเสียงป๊อปคอร์นแล้วแบบนี้ จะอนุญาตให้เอาป๊อปคอร์นเข้ามากินดีไหมนะ?
ในที่สุดก็ถึงยุคที่ผู้คนทนไม่ไหว เริ่มแอบเอาป๊อปคอร์นเข้าไปกินในโรงกันทีละเล็กละน้อย จนรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นมีคนจำนวนมากแอบเอาป๊อปคอร์นเข้าไป ทำให้โรงหนังตัดสินใจอนุญาต และขายป๊อปคอร์นเองซะเลย ผลปรากฎว่า ยอดขายของป๊อปคอร์นนั้นทำกำไรให้โรงหนังไม่แพ้ค่าตั๋วหนัง เพราะสามารถขายได้ทั้งคนที่มาดูหนังและคนเดินผ่านไปมา จนทำให้ในปีค.ศ. 1930 ที่กิจการโรงหนังเริ่มทรุดตัว แต่โรงหนังที่ยังทำกำไรอยู่ได้ คือโรงหนังที่ขายป๊อปคอร์นนี่แหละค่ะ ทำให้ในปีค.ศ. 1945 พบว่าคนกินป๊อบคอร์นส่วนใหญ่ ชอบกินกันในโรงหนังซะแล้ว
แม้จะผ่านมาเกือบ 100 ปี แต่ปัจจุบันนี้ป๊อปคอร์นก็ยังเป็นขนมยอดฮิตในโรงหนัง และสามารถทำกำไรให้ผู้ประกอบการได้มากกว่า 70-85% ซึ่งรู้ไหมว่าจริงๆ แล้วสาเหตุที่ป๊อปคอร์นโรงหนังราคาสูงลิ่วกว่าท้องตลาดทั่วไปขนาดนั้น เป็นเพราะโรงหนังต้องรวมค่าทำความสะอาด ซ่อมพรม และเป็นค่าเสียเวลาหลังหนังฉายจบ ซึ่งรวมๆ เวลาที่พนักงานทำความสะอาดต่อแต่ละรอบแล้วสามารถฉายหนังได้เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ลองคิดสภาพว่ามีคนทำน้ำหรือป๊อปคอร์นเหนียวๆ หกบนพื้นพรมหรือเบาะที่เรานั่งกันสิคะ บอกได้คำเดียวว่า พนักงานทำความสะอาดต้องเช็ดถูแข่งกับเวลาน่าดู
จากหนังสือ Popcorn Culture : A Social History of Popcorn ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า เริ่มแรกป๊อปคอร์นเป็นที่นิยมในฝั่งอเมริกาใต้ กระทั่งถึงยุคแลกเปลี่ยนการค้าจึงแพร่กระจายไปยังอเมริกาเหนือ ในปีค.ศ. 1848 ป๊อปคอร์นกลายเป็นขนมสุดป๊อปปูล่า จนคำว่า Popcorn ถูกบันทึกลง Dictionary of Americanisms เป็นครั้งแรก แต่ในช่วงนั้นป๊อปคอร์นยังนิยมกินกันเฉพาะในละครสัตว์ งานแฟร์ งานกีฬา หรืองานรื่นเริงต่างๆ ยกเว้นในโรงหนัง
และด้วยความอร่อย หน้าตาน่ารัก ผลิตง่าย ไม่ต้องอาศัยห้องครัวใหญ่ๆ (แค่มีเครื่องคั่วป๊อปคอร์นก็ทำได้แล้ว) ทำให้ปีค.ศ. 1885 เจ้าป๊อปคอร์นเลยยิ่งฮิตหนัก จนท้องถนนมีแต่แผงขายป๊อปคอร์นกลิ่นหอมฟุ้งไปหมด แต่ถึงอย่างนั้น โรงหนังก็ยังไม่อนุญาตให้เอาป๊อบคอร์นเข้ามากินอยู่ดี
สาเหตุที่สมัยนั้นยังไงโรงหนังก็ไม่ยอมให้เอาป๊อปคอร์นเข้าไปกิน เป็นเพราะโรงหนังสมัยนั้นสุดจะหรูหรา มีทั้งพรมและโซฟาราคาแพง ทำให้เจ้าของโรงหนังแต่ละแห่งไม่อนุญาตให้ผู้ชมนำป๊อปคอร์นเข้ามาสร้างความเลอะเทอะเป็นอันขาด รวมถึงเป็นยุคที่หนังยังไม่มีเสียง การเคี้ยวป๊อปคอร์นจึงถือเป็นการรบกวนอย่างหนึ่ง แต่ในที่สุด เมื่อปีค.ศ. 1930 ที่หนังเริ่มมีเสียงพูด ผู้ประกอบการก็เริ่มลังเลว่า ในเมื่อเสียงหนังดังกว่าเสียงป๊อปคอร์นแล้วแบบนี้ จะอนุญาตให้เอาป๊อปคอร์นเข้ามากินดีไหมนะ?
ในที่สุดก็ถึงยุคที่ผู้คนทนไม่ไหว เริ่มแอบเอาป๊อปคอร์นเข้าไปกินในโรงกันทีละเล็กละน้อย จนรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นมีคนจำนวนมากแอบเอาป๊อปคอร์นเข้าไป ทำให้โรงหนังตัดสินใจอนุญาต และขายป๊อปคอร์นเองซะเลย ผลปรากฎว่า ยอดขายของป๊อปคอร์นนั้นทำกำไรให้โรงหนังไม่แพ้ค่าตั๋วหนัง เพราะสามารถขายได้ทั้งคนที่มาดูหนังและคนเดินผ่านไปมา จนทำให้ในปีค.ศ. 1930 ที่กิจการโรงหนังเริ่มทรุดตัว แต่โรงหนังที่ยังทำกำไรอยู่ได้ คือโรงหนังที่ขายป๊อปคอร์นนี่แหละค่ะ ทำให้ในปีค.ศ. 1945 พบว่าคนกินป๊อบคอร์นส่วนใหญ่ ชอบกินกันในโรงหนังซะแล้ว
แม้จะผ่านมาเกือบ 100 ปี แต่ปัจจุบันนี้ป๊อปคอร์นก็ยังเป็นขนมยอดฮิตในโรงหนัง และสามารถทำกำไรให้ผู้ประกอบการได้มากกว่า 70-85% ซึ่งรู้ไหมว่าจริงๆ แล้วสาเหตุที่ป๊อปคอร์นโรงหนังราคาสูงลิ่วกว่าท้องตลาดทั่วไปขนาดนั้น เป็นเพราะโรงหนังต้องรวมค่าทำความสะอาด ซ่อมพรม และเป็นค่าเสียเวลาหลังหนังฉายจบ ซึ่งรวมๆ เวลาที่พนักงานทำความสะอาดต่อแต่ละรอบแล้วสามารถฉายหนังได้เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ลองคิดสภาพว่ามีคนทำน้ำหรือป๊อปคอร์นเหนียวๆ หกบนพื้นพรมหรือเบาะที่เรานั่งกันสิคะ บอกได้คำเดียวว่า พนักงานทำความสะอาดต้องเช็ดถูแข่งกับเวลาน่าดู

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น