บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2019

เบกกิ้งโซดา กับ 10 คุณประโยชน์

รูปภาพ
   เบกกิ้งโซดาที่วางอยู่ในตู้กับข้าวมีดีกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก ไม่เพียงแต่จะช่วยเบาแรงขัดถูทำความสะอาดแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพแบบที่คาดไม่ถึงอีกด้วย           ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่าเจ้าเบกกิ้งโซดา หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์เรื่องสุขอนามัยได้เหมือนกัน ด้วยคุณสมบัติทางเคมีที่เรียกว่า   "Alkaline Substance"  หรือ สารปรับสมดุลนี่แหละที่มีประโยชน์อย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา ช่วยให้บรรเทาอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้โดยที่เราไม่ต้องพึ่งยาปฏิชีวนะเลย หากใครยังนึกภาพไม่ออก เราก็มีตัวอย่าง 10 ประโยชน์เริด ๆ ของเบกกิ้งโซดามาให้ได้ลองอ่านกัน   ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เป็นปกติ            ใครที่ป่วยบ่อย ผิวไม่สวย และรู้สึกไม่แอคทีฟในแต่ละวัน ก็อย่าเพิ่งเสียเงินซื้อวิตามินเสริมหลาย ๆ ชนิดมาบำรุง เพราะนั่นเป็นอาการของร่างกายที่ฟ้องว่าได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อวันไม่เพียงพอ เราจึงขอแนะนำว่าให้ลองใช้วิธีนี้ดูก่อนนั่นคือ ผสมผงเบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนชากับน้ำดื่ม 1 แก้วใช้จิบในตอนเช้าและเย็น น้ำเบกกิ้งโซดาจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได

กล้วนน้ำว้า สรรพคุณเพียบ!

รูปภาพ
กล้วยน้ำว้า สรรพคุณ 1. กล้วยดิบ มีสารฝาดสมานชื่อแทนนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยป้องกันผนังกระเพาะลำไส้ไม่ให้เชื้อโรคและของรสเผ็ดจัด เช่น พริก เข้าไปทำลายผนังกระเพาะลำไส้ ช่วยแก้ท้องเสีย กล้วยดิบกินเป็นยาได้ด้วยการนำกล้วยดิบมาฝานเป็นแว่นบางๆ แล้วอบให้แห้งที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ห้ามใช้ความร้อนสูงกว่านี้เด็ดขาด เพราะสารในกล้วยมีฤทธิ์รักษาโรคกระเพาะนั้นจะสูญเสีย เสร็จแล้วให้นำมาบดเป็นผง กินครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร จะผสมกับน้ำผึ้งหรือไม่ก็ได้ กล้วยดิบๆ มีฤทธิ์ทั้งป้องกันและรักษาโรคกระเพาะ  ส่วนยาแผนปัจจุบันทุกขนานที่ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารนั้น มีฤทธิ์เพียงป้องกันแต่ไม่ช่วยรักษา กล้วยจึงเป็นยารักษาโรคกระเพาะที่มีราคาถูกที่สุด และหาง่ายที่สุด 2. กล้วยห่าม หรือกล้วยที่เพิ่งเริ่มสุก เปลือกยังสีเขียวอยู่ประปราย เป็นทั้งยาและอาหารที่ดีมากสำหรับคนท้องเสีย เพราะนอกจากจะ ช่วยแก้ท้องเสียแล้วยังช่วยหล่อลื่นลำไส้ ช่วยเพิ่มกากเวลาถ่าย กล้วยกึ่งดิบกึ่งสุกยังมีธาตุโพแทสเซียมสูงมาก  ตามธรรมดาคนไข้มักสูญเสียธาตุโพแทสเซียมเวลาท้องร่วง การกินกล้วยห่ามจึ

5 แนวดนตรีเหมาะกับการฟังแก้ง่วงขณะขับรถ

รูปภาพ
ดูเหมือนว่าปีนี้จะมีเทศกาลวันหยุดยาวหลายครั้งหลายครา ซึ่งหลายคนก็ใช้ช่วงเวลานี้ขับรถกลับภูมิลำเนา หรือไม่ก็ออกเดินทางท่องเที่ยว หลายคนต้องอยู่หลังพวงมาลัยยาวนานหลายชั่วโมง ซึ่งง่ายดายต่อการที่จะเกิดอาการง่วงหงาวหาวนอนได้ อันที่จริงวิธีแก้ง่วงก็มีถมเถ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “การฟังเพลง”  01 ร็อค จังหวะจะโคนอันเร่งเร้า เสียงกีตาร์แตกพร่า ไม่ว่าจะหนักหน่วงในสไตล์เฮฟวีเมทัล หรือเบาลงมาหน่อยแต่ก็ยังโยกมันๆ ได้อย่างอัลเทอร์เนทีฟ กรันจ์ หรือว่าพังก์ ท่วงทำนองดนตรีร็อคจะทำให้หัวใจคุณสูบฉีดพลุ่งพล่าน บางครั้งการตะโกนโหวกเหวกโวยวายภายในรถก็ช่วยทำให้หายง่วงได้นะ 02 ฮิปฮอป ช่วงนี้กำลังอยู่ในกระแสเลยทีเดียวเชียว บีตแห่งดนตรีฮิปฮอปอันหนักแน่นจะทำให้คุณเคาะนิ้วหรือโยกหัวไปตามจังหวะระหว่างขับรถ ไม่ว่าจะแร็ปเปอร์ไทยหรือเทศ ตอนนี้ฝีมือไม่ธรรมดาทั้งนั้น หรือหากจะลงลึกไปถึงเรื่องเนื้อหา แร็ปเปอร์บางคนก็เอาจริงเอาจังจัดจ้าน บางคนก็จัดเต็มกับเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ เลือกฟังได้ตามใจชอบกันเลย 03 ดิสโก้ ใครเป็นสายดนตรีคงจะทราบกันอยู่แล้วว่าดนตรีดิสโก้นั้นเต็มไปด้วยกรู๊ฟที่ทำให้คนฟังนั้นอยากขยับแข้งข

สูตรเด็ด! ทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ด้วยตัวเอง

รูปภาพ
การดูแลรักษาความสะอาดรถยนต์ด้วยตนเอง ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะคุณสามารถรู้ได้ทันทีเลยว่า ภายนอก และภายใน มีตรงจุดไหนบ้างที่เป็นรอย หรือเสียหาย ฯลฯ เพื่อที่คุณจะได้รู้เท่าทัน และทำการขจัดสิ่งเหล่านั้นก่อนที่มันจะติดลึก และฝังแน่น      ซึ่งถึงแม้อุปกรณ์ทำความสะอาดรถยนต์จะหาซื้อได้ทั่วไป วางขายกันเกลื่อนตลาด แต่บางอย่างคุณเองก็สามารถทำขึ้นมาใช้เองได้ อย่างเช่น น้ำยาเช็ดยางรถยนต์ ที่ลงทุนไม่กี่บาท แต่เก็บไว้ใช้งานได้ยาวๆ      สำหรับการทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ขึ้นมาใช้เอง มีอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม และวิธีทำ ดังนี้ อุปกรณ์สำหรับทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์      1. น้ำอัดลม 1 ขวด (ใช้เฉพาะสีดำเท่านั้น)      2. น้ำยาล้างจาน 1 ขวด (ยี่ห้อใดก็ได้)      3. น้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ขวด (ยี่ห้อใดก็ได้) วิธีการทำน้ำยาเช็ดยางรถยนต์ 1. นำน้ำอัดลมมาเทออกครึ่งขวด      2. ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในขวดน้ำอัดลม ให้ถึงแค่คอขวดพอ จากนั้นปิดฝาให้แน่นแล้วเขย่าผสมให้เข้ากัน (ควรเขย่าขวดก่อนผสม ไม่เช่นนั้นน้ำอัดลมอาจมีฟองพุ่งออกมาได้)      3. เปิดฝาขวดอีกครั้งแล้วใส่น้ำยาล้างจานลงไปให้เต็มขวด ปิดฝา และเขย่าผสมให้เข้

ออฟฟิศซินโดรม อันตรายหรือไม่

รูปภาพ
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคำว่า “ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)” เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่ทำงานในออฟฟิศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดออฟฟิศซินโดรมสูง “Office Syndrome” กลุ่มอาการที่พบบ่อย เกิดขึ้นกับกลุ่มคนวัยทำงานที่มีลักษณะงานที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ หรือทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยท่าทางซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน หรืออยู่ในท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสมต่อเนื่องนานๆทั้งในขณะนั่ง ยืน เดิน ทำงาน เช่น การนั่งหรือยืนหลังค่อม ไหล่ห่อ หรือยกไหล่ ก้มคอมากเกินไป ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยหรือชาตามบริเวณต่างๆ และอาจส่งผลให้เกิดอาการของโรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อตามมาได้ เช่น กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง (myofascial pain syndrome) เอ็นรัดข้อมืออักเสบกดทับเส้นประสาท (carpal tunnel syndrome) ความผิดปกติของความตึงตัวของเส้นประสาท (nerve tension) กล้ามเนื้อบริเวณแขนท่อนล่างด้านนอกอักเสบ (tennis elbow) นิ้วล็อก (trigger finger) เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ (tendinitis) ปวดหลังจากท่าทางผิดปกติ (postural back pain)

10 เคล็ดลับ...หลับปุ๋ย

รูปภาพ
หลายคนไม่รู้ว่า การนอนไม่หลับส่งผลเสียร้ายแรงกว่าที่คิด ถ้านอนไม่หลับบ่อย ๆ ติดต่อกันหลายสัปดาห์ อาจกลายเป็นอาการเรื้อรัง ส่งผลต่ออารมณ์ ความจำ การตื่นตัวของร่างกาย ทำให้อ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง รวมไปถึงแก่เร็วด้วยนะคะสาว ๆ ความผิดปกติของการนอน ที่พบบ่อยที่สุดคือ “อาการนอนไม่หลับ” ซึ่งพบถึง 1/3 ของประชากรที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2 ต่อ 1 และพบบ่อยขึ้นตามอายุ ท่านที่เคยนอนไม่หลับ คงทราบถึงความทุกข์ทรมานของภาวะดังกล่าวเป็นอย่างดี ถ้านานๆเป็นครั้งก็ไม่เป็นเรื่องสำคัญๆแต่ถ้าเป็นบ่อยๆ ก็ควรจะต้องแก้ไข ผลเสียของการนอนไม่หลับ คนที่นอนไม่หลับเกิดความเจ็บป่วยไม่สบายทางร่างกายมากกว่าปกติโดยเฉพาะโรคต่อไปนี้ เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ความดันโลหิตสูง ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยกว่าปกติมีปัญหาทางด้านอารมณ์และจิตใจ ตึงเครียด กังวล อารมณ์เศร้าและเปล่าเปลียวใจ มีแนวคิดที่จะฆ่าตัวตายสูง นอกจากนี้แล้วการนอนไม่หลับยังส่งผลต่อการงาน ความสามารถทั่วไป ขาดงานบ่อยๆและประสิทธิภาพในการทำงานลดลงหันเข้าสุรา ยาเสพติด ชนิดของการนอนไม่หลับ พวกหลับยาก :  พวกนี้จะหลับได้ อา

วิธีแก้ “เมาค้าง”

รูปภาพ
ทุกวันนี้ คำที่ติดปากคน ไทย มากกว่า “ เมาค้าง ” แต่มีความหมายเดียวกัน คือ “ แฮงก์ ” ซึ่งกร่อนมาจากคำว่า “hangover” อีกทอดหนึ่ง หมายถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนักเกินไป จนปวดหัว มึนตึ้บ มวนท้อง รู้สึกผะอืดผะอม ตื่นไม่ไหว หรือไหวก็อ่อนเพลีย ถ้าเป็นวันธรรมดาก็ส่งผลกระทบต่อการทำงาน หากเป็น วันหยุด ก็ต้องนอนซมอยู่กับ บ้าน  แทนที่จะได้ออกไปเล่นกีฬา ช้อปปิ้ง หรือทำงานอดิเรกที่อยากทำ ด้วยเหตุนี้เราจึงมีวิธี “ แก้เมาค้าง ” หรือ “ แก้แฮงก์ ” มาแนะนำ เพื่อความสำราญบานใจทั้งตอนที่ดื่มและหลังจากการดื่ม เน้นที่ “ของกิน” เป็นหลัก 1. เครื่องดื่มวิตามิน  เครื่องดื่มแบบนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าหรือร้านขายยาทั่วไป วันไหนรู้ตัวว่าต้องไปออกงานสังคมและต้องดื่มหนักแน่ๆ ควรหามาเตรียมไว้ เนื่องจากเครื่องดื่มนี้จะประกอบไปด้วยวิตามินบีและวิตามินซี ช่วยลดอาการเมาค้างและอาการปวดหัวได้ นอกจากนี้สิ่งที่ควรทำคือดื่มน้ำเปล่าควบคู่กันไปด้วย เพราะหลังจากดื่มหนัก ร่างกายมีโอกาสสูญเสียน้ำออกไปมาก 2. น้ำส้มคั้น ไข่ต้ม และขนมปัง  น้ำส้มคั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มแก้แฮงก์แบบบ้านๆ มานานแล้ว เพราะวิตามินซีลดอากา

วิธีแก้ท้องอืด

รูปภาพ
ท้องอืด  คืออาการที่สามารถพบได้ทั่วไปกับคนทุกเพศทุกวัย ทำให้รู้สึกไม่สบายท้องหรือแน่นอึดอัดท้อง ซึ่งเกิดจากการมีแก๊สอยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้มากกว่าปกติ บางรายอาจทำให้ท้องบวมจนเห็นได้ชัดเจน และอาจทำให้เกิดอาการอื่น ๆ เช่น เรอบ่อย ผายลม ปวดท้อง หรือท้องร้องมากกว่าปกติ ถึงแม้ว่า ท้องอืด จะไม่ได้เป็นอาการที่ทำให้เกิดอันตราย แต่ก็สามารถทำให้ผู้ที่เป็นรู้สึก อึดอั ดไม่สบายตัวและอาจทำให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำกิจกรรมบางอย่างได้ ท้องอืดมีสาเหตุมาจากอะไร ? สาเหตุของอาการท้องอืดที่พบบ่อยมาจากการมีแก๊สในระบบทางเดินอาหารมากกว่าปกติ ซึ่งมาจากการรับประทานอาหารแล้วไม่สามารถย่อยได้อย่างเหมาะสมหรือมาจากการกลืนอากาศเข้าไปในขณะที่กำลังรับประทานอาหารหรือดื่มเครืองดื่ม โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมต่อไปนี้ อาจเพิ่มโอกาสให้ท้องอืดได้มากขึ้น รับประทานอาหารเร็วเกินไป รับประทานอาหารพร้อมกับคุยไปด้วย ดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำจากหลอดดูด เคี้ยวหมากฝรั่ง สูบบุหรี่ สวมฟันปลอมหลวม สาเหตุทางด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้แก่ ลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS) โ

การเดินทางที่แสนจะฮาร์ดคอร์ของ เจิ้งเหอ

รูปภาพ
การเดินทางที่แสนจะฮาร์ดคอร์ของ เจิ้งเหอ เคนย่าพบโครงกระดูกคนจีนยุคแม่ทัพเจิ้งเหอ ไชน่าเดลี - นักโบราณคดีขุดพบโครงกระดูกมนุษย์สายเลือดจีนในเคนย่า คาดมาจากยุคเดียวกับแม่ทัพเจิ้ง เหอแห่งกองทัพเรือของราชวงศ์หมิง พบโครงกระดูกมนุษย์ที่มีความเกี่ยวพันกับสายเลือดจีน แชป คูซิมบา ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยอเมริกัน (American University) ซึ่งทำหน้าที่ผู้นำการสำรวจ กล่าวว่านับเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบวัตถุโบราณลักษณะดังกล่าวในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก โดยการขุดค้นเริ่มต้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2555 โครงกระดูกของมนุษย์สามคนมีฟันซี่หน้าที่มีลักษณะเฉพาะของชาวเอเชียตะวันออก และหนึ่งในสามยังสามารถบ่งชี้ได้ว่ามาจากช่วงเวลาเดียวกันกับที่ เจิ้ง เหอ (Zheng He) มหาขันทีผู้ครองตำแหน่งแม่ทัพกองเรือจีน ซึ่งเดินทางไปยังแอฟริกาตะวันออกในศตวรรษที่ 15 ส่วนโครงกระดูกของมนุษย์อีกสองคนถูกสันนิษฐานว่ามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาหลังการเดินเรือของเจิ้ง เหอ โดยคูซิมบาเผยว่า คนเหล่านี้อาจเดินทางสู่แอฟริกาตะวันออกผ่านเส้นทางการค้าบนดินหรือเส้นทางสายไหมทางทะเลก็ได้ ทั้งนี้ เจิ้ง เหอ ถือเป็นนักเดินทาง นักสำรวจ และนักการทูตค